ปราสาทเมืองที Prasat Mueang Thi
ผมเองเป็นคนจังหวัดสมุทรปราการ
แต่ได้ภรรยาคนจังหวัดสุรินทร์ อยู่บ้านเมืองที เป็นเขยบ้านเมืองทีมามากกว่า 25 ปี เมื่อก่อนแถวบ้านเมืองที
ถือได้ว่า เป็นถิ่นกันดารและไกลปืนเที่ยง บริเวณหมู่บ้านจะเป็นเนิน มีแต่ป่าไผ่
คนสมัยก่อนจะปลูกต้นไผ่เป็นรั้วล้อมรอบ และมากไปด้วยเสียงร่ำลือว่า “มีคนเล่นของเยอะ” จึงนิยมนำต้นไผ่มาทำรั้วบ้านเพื่อเป็นการป้องกันคุณไสย ปัจจุบันความเจริญเข้ามาแทนที่ ความลึกลับต่างๆจึงได้สูญหายไป
หมู่บ้านเมืองที
ตามประวัติศาสตร์แล้ว เคยเป็นที่ตั้งเมืองสุรินทร์มาก่อน หลวงสุรินภักดี(เชียงปุม)
ซึ่งเดิมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเมืองที ได้ขอให้เจ้าเมืองพิมาย กราบบังคมทูลขอพระกรุณาโปรดเกล้า
จากพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ย้ายหมู่บ้านจากบ้านเมืองทีมาอยู่ที่บริเวณบ้านคูประทาย
ซึ่งก็คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัดสุรินทร์ในปัจจุบันเนื่องจากเห็นว่าบริเวณดังกล่าวเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมอย่างยิ่งมีกำแพงล้อมรอบถึง
2 ชั้น มีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ต่อมาหลวงสุรินทร์ภักดีได้กระทำความดีความชอบเป็นที่โปรดปราน
จึงได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกบ้านคูประทายเป็น" เมืองประทายสมันต์ "
และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงสุรินทร์ภักดีเป็น พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ในปี
พุทรศักราช 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนชื่อ " เมืองประทายสมันต์ " เป็น " เมืองสุรินทร์ "
ตามบรรดาศักดิ์ของเจาเมือง
ปราสาทเมืองที ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเมืองที
หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองที อ.เมือง จ. สุรินทร์ ปราสาทตั้งอยู่ภายในวัดจอมสุทธาวาส
(วัดมืองที) ปราสาทเมืองทีเป็นปราสาทแบบเขมรแห่งหนึ่งที่ได้รับการดัดแปลงในสมัยหลัง
เช่นเดียวกับปราสาทศรีขรภูมิ อ.ศรีขรภูมิ ปราสาทก่อด้วยอิฐ ฉาบปูน มี 5 หลัง สร้างรวมกันเป็นหมู่ คือ หลังหนึ่งอยู่ตรงกลาง
และอีกสี่หลังอยู่ที่มุมทั้งสี่ ตั้งอยู่บนฐานอิฐอันเดียวกัน
ปัจจุบันหักพังเหลือเพียง 3 หลัง คือ หลังกลาง
หลังที่มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ปรางค์ทั้งสามมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสอง
หลังกลางมีขนาดใหญ่สุด ตั้งอยู่บนฐานสูง และมีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน
แต่ตัวเรือนธาตุตันทึบ ไม่มีประตูเนื่องจากการดัดแปลงในชั้นหลัง
ส่วนหลังคาทำเป็นชั้นมี 3 ชั้น เลียนแบบตัวเรือนธาตุ
ส่วนยอดบนหักหาย
ปรางค์บริวารที่เหลือ 2 องค์นั้น
มีขนาดและลักษณะเดียวกัน ทรงสอบมี 3 ชั้น
ตัวเรือนธาตุแต่เดิมมีประตู มาก่อทึบในสมัยหลังเช่นเดียวกับปรางค์หลังกลาง
จากแผนผังและลักษณะของสถาปัตยกรรม
ปราสาทเมืองทีนับเป็นโบราณสถานเขมรอีกแบบหนึ่งที่นิยมสร้าง คือ
มีปราสาทหลังกลางเทียบเท่าเขาพระสุเมค มีปรางค์มุมทั้งสี่ตามความเชื่อในลัทธิศาสนาหราหมณ์
แต่จะสร้างขึ้นเมื่อใดไม่อาจบอกได้
ด้วยไม่พบจารึกหรือลวดลายทางศิลปะที่สามารถเปรียบเทียบได้
การเดินทาง
การเดินทาง จากตัวเมืองประมาณ 16 กิโลเมตร ตามเส้นทางสุรินทร์-ศรีขรภูมิ ทางหลวงหมายเลข 226 จนถึงป้ายบอกทางเข้าบ้านเมืองที เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 400 เมตร
จะเห็นซุ้มประตูวัดจอมสุทธาวาส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น