วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ป้อมฮวาซอง Hwaseong Fortress


ป้อมฮวาซอง Hwaseong Fortress
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดทัศนาจรท่องเที่ยวเกาหลี โดยมอบเป็นสวัสดิการแก่พนักงานที่ร่วมปฏิบัติงานกับบริษัทมานานหลายปี ( ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ) ในการท่องเที่ยวเกาหลีของกลุ่มทัวร์ครั้งนี้ ไปกันจำนวน 150 กว่าคน แบ่งออกเป็นสามกลุ่มๆ ละ 50 คน ในแต่ละกลุ่มจะมีหมวกเป็นสัญลักษณ์  โดยหมวกที่ใส่แต่ละกลุ่มจะแตกต่างกันที่สี ด้านหน้าสกรีนคำว่า aerosorft  ตัวผมอยู่ในกลุ่มหมวกสีน้ำเงิน หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมเราทุกคนขึ้นเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ  จุดหมายปลายทาง คือ สนามบินนานาชาติอินชอนของเกาหลีใต้
เมื่อไปถึงสนามบินนานาชาติอินชอน  ก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ค่อนข้างมีปัญหาบ้างเพราะเดินทางเป็นกรุ๊ปใหญ่  เนื่องจากบางคนตอนทำพาสปอร์ต หลายคนไม่ได้แต่งตัว แต่งหน้า  พอถึงกำหนดเดินทางจริงๆ แล้วค่อยไปต่อเติมเสริมแต่ง ปรากฏว่ารูปในพาสปอร์ตไม่เหมือนตัวจริงเลยโดนกักตัวไว้หลายคน รอตรวจสอบทีหลัง กว่าจะเคลียได้ใช้เวลา ไปเกือบ 2 ชั่วโมง  ตามโปรแกรมการท่องเที่ยวสถานที่แรกคือ เกาะนามิ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลี แต่ดวงไม่ดีไปรอที่ท่าเรือข้ามฟากเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง อยู่ๆ ไกด์นำเที่ยวบอกว่าเรือข้ามฟากไปเกาะนามิเสีย เลยเซ็ง...  จึงเริ่มต้นท่องเที่ยวดินแดนโสมกันที่ ป้อมฮวาซอง Hwaseong Fortress 
ป้อมฮวาซอง ตั้งอยู่ที่เมืองซูวอน ทางตอนใต้ของกรุงโซล สร้างขึ้นในช่วง ค.ศ. 1794 - 1796 ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก (UNESCO World Cultural Heritage) เมื่อปี 1997  โดยพระเจ้าจองโจ พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 22 แห่งราชอาณาจักรโชซอน ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอันดับ 1 ของเมืองซูวอน มีอายุมากกว่า 200 ปี บวกกับความยิ่งใหญ่และสวยงามของป้อมปราการนี้ ความยาวของกำแพงโดยรอบยาวถึง 5.5 กิโลเมตร ครั้งแรกป้อมนี้ถูกสร้างล้อมรอบเมืองซูวอน โดยจะมีประตูประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ



ภายในป้อมปราการนี้มีพระราชวังฮวาซอง แฮงกุง ( Hwaseong Haenggung Palace) ซึ่งสถานที่ใช้ในการถ่ายทำละครดังเรื่อง แดจังกึมและ The King and The Clown  พระราชวังแห่งฮวาซอง แฮงกุง ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ตามแบบสถาปัตยกรรมของเกาหลี ภายในพระราชวังมีการจัดแสดงให้เห็นถึงห้องหับต่างๆ ที่อยู่ในพระราชวัง  สำหรับอาคารที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องแดจังกึม มีการจัดแสดงชุดเครื่องแต่งกายต่างๆ ของแดจังกึมที่ใช้ในการถ่ายทำละคร 
        ทุก ๆ วันอาทิตย์ เวลา 14.00-15.00 น. ของเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ด้านหน้าพระราชวังจะมีการแสดงโชว์ และแสดงการใช้อาวุธต่าง ๆ นักแสดงจะแต่งกายเป็นนักรบเกาหลีโบราณออกมาวาดลวดลายในการต่อสู้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ดาบ หอก และการยิงธนู 



วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิมจิ Kimchi อาหารเกาหลี


กิมจิ Kimchi  อาหารเกาหลี
                ถ้าพูดถึงเกาหลี  ถ้าใครไม่รู้จักกิมจิผมว่าเชย  เพราะกิมจิเป็นอาหารอันเลิศรส ประจำชาติเกาหลีมายาวนาน จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเกาหลีเลยทีเดียว เชื่อกันว่าการกินกิมจิของชาวเกาหลีเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 7ในช่วงฤดูหนาว ที่สภาพอากาศหนาวจัดไม่เหมาะกับการเพาะปลูก คนเกาหลีจึงหันมาหาวิธีถนอมอาหารด้วยการดองผักไว้กินแทนผักสด กิมจิจึงถือกำเนิดขึ้นจากการนำผักมาหมักด้วยเกลือใส่ในไหแล้วนำไปฝังดิน
ดังนั้นในการจัดทริปทัวร์ท่องเที่ยวเกาหลี ของบริษัททัวร์ท่องเที่ยวต่างๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือสถานที่โรงเรียนสอนทำกิมจิ การทำกิมจิอาหารประจำชาติเกาหลี ที่ไม่ว่ามื้อไหนก็จะต้องมีกิมจิเป็นส่วนประกอบอยู่ในอาหารมื้อนั้นๆ ด้วยทุกครั้งไป (เหมือนคนไทยเราก็ต้องเป็นน้ำพริกปลาทู, น้ำพริกปลาร้า เป็นต้น) และกิมจินี้ยังมีมากกว่า 100 ชนิดให้เลือกรับประทาน ที่โรงเรียนสอนทำกิมจินี้ให้เราได้ฝึกทดลองทำและได้ชิมกิมจิฝีมือของตัวเราเอง  โดยมีผู้แนะนำอธิบายวิธีทำกิมจิแก่ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ก่อน 1 รอบ ให้เกิดความเข้าใจเสียก่อน  หลังจากนั้นจะสอนการปฏิบัติทีละขั้นตอนจนจบ  ซึ่งก็เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวไม่น้อย  ในความรู้สึกจากส่วนตัวผมที่ได้ลิ้มลองอาหารกิมจิ (แค่ทดลองนะ เที่ยวที่เกาหลี 3  วัน  อาหารทุกเมื้อของผมต้องมีกิมจิด้วยทุกครั้ง) รสชาติอร่อยครับ และที่สำคัญถ่ายท้องได้ดีทีเดียว

ในบริเวณใกล้เคียงกันจะเป็นร้านสำหรับให้แต่งชุด ฮันบก (Hanbok) เวลาดู ซีรี่ย์เกาหลี อย่างเช่น องค์หญิงวุ่นวายกะเจ้าชายเย็นชา  หรือ แดจังกึม และอื่นๆจะเห็นว่าสาวๆ เกาหลีจะแต่งตัวด้วยชุดพองๆ มีสีสรร และสวยงาม เป็นชุดแต่งกายตามประเพณีและเป็นชุดประจำชาติของเกาหลี ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมานานนับพัน ๆ ปี ความสวยงาม และความสุภาพของวัฒนธรรมเกาหลี ล้วนฉายอยู่ในรูปภาพของผู้หญิงในชุดฮันบก ที่นี่มีชุดให้เลือกสวมใส่มากมาย  ฮันบกเคยถูกใช้เป็นชุดแต่งกายประจำวัน โดย ผู้ชายสมัยก่อนจะสวมใส่ ชอกอรี” (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และ พาจิ” (กางเกงขายาว) ขณะที่ ผู้หญิงจะสวมใส่ ชอกอรีกับ ชีมา” (กระโปรง) แต่ปัจจุบันนี้ชาวเกาหลีมักจะใส่ ฮันบกเฉพาะโอกาสที่มีการเฉลิมฉลอง หรือวันสำคัญ ๆ เช่น วันแต่งงาน วันซอล ลัล (วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า)
ว่ากันว่าสาวๆ เกาหลี จะมีชุดฮันบก เป็นของตนเองสำหรับใช้ใส่ในวันสำคัญต่าง ๆ โดยจะสังเกตได้ว่า ชุดฮันบกของหญิงสาวจะถูกออกแบบมาให้เป็นกระโปรงพองยาว และเสื้อตัวสั้น ทั้งนี้ก็เพื่อพรางรูปร่าง และปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งหรือส่วนนูนของผู้สวมใส่ไม่ให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเพศตรงข้ามมากเกินไป แต่นอกเหนือจากนี้ว่ากันว่า สมัยก่อนนี้ในช่วงที่มีสงครามเกิดขึ้น ข้าศึกนอกจากจะมาปล้นเอาสมบัติ และฆ่าผู้คนแล้ว ยังจะมาปล้นเอาสตรีไปด้วย แต่ถ้าหากเป็นคนท้องจะปลอดภัยเพราะข้าศึกจะไม่ยุ่งกับสตรีที่ท้อง คนเกาหลีจึงคิดค้นชุดที่ใส่แล้วอำพรางข้าศึก เพื่อให้เหมือนคนท้องจะได้ปลอดภัย แต่ชุดฮันบกใส่แล้วเหมือนคนท้องจริง ๆ แต่ก็สวย น่ารัก 

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หอคอยกรุงโซล Seoul Tower


หอคอยกรุงโซล  Seoul Tower
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หอคอยกรุงโซล เป็นจุดชมวิวสูงสุดของกรุงโซล  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของใครหลายคน  และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไทยชื่อดัง  กวน มึนโฮ    นั่นก็คือหอคอยนัมซาน ( N Seoul Tower )   เหตุผลที่เป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว  อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่ มีสิ่งน่าสนใจมากมาย  เช่นพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ (Teddy Bear Museum )  หรือแม้แต่จุดที่ให้คู่รักนำกุญแจมาคล้องไว้ที่บริเวณตึก  (คล้องกุญแจรัก พักกุญแจใจ )
ผมเองครับผู้เขียน
เป็นภาพลูกสาวของผมเอง
                ส่วนการเดินทางมาที่นี่นั้น  ตอนที่ผมไปทัศนาจรท่องเที่ยวเกาหลีกับบริษัท  เป็นกรุ๊ปทัวร์เดินทางท่องเที่ยวโดยรถโค๊ดปรับอากาศประมาณ 40 ที่นั่ง เลยสะดวกสบาย สามารถขับขึ้นเขานัมซานได้ด้านบนจะมีที่จอดรถ แต่ต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ถนนที่เดินลาดยางอย่างดี  หอคอยกรุงโซล ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล ตัวหอคอยมีความสูง 240 เมตร ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า นัมซันทาวเวอร์เพราะหอคอยตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับชมวิวทิวทัศน์ของกรุงโซล โดยเฉพาะในช่วงเวลาค่ำคืน จะเห็นสภาพบ้านเมืองของกรุงโซล ด้านล่างเต็มไปด้วยแสงสีต่างๆ สวยงามมาก ในวันที่ผมได้มีโอกาสขึ้นไปชมวิวบนหอคอยกรุงโซล  เป็นช่วงเวลาที่สายฝนกำลังโปรยปรายพอดี จึงทำให้พลาดโอกาสในการถ่ายภาพสวยๆ มาฝาก  เพราะรอบๆบริเวณจุดชมวิวจะเป็นกระจกรอบด้านเมื่อถูกน้ำฝนกระจกจะเป็นฝ้าและสะท้อนแสง
ด้านล่างของ Seoul Tower จะมีพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้  ท่านที่ซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้อย่างเดียว  หรือซื้อคู่กับตั๋วชมวิวบนยอดหอคอยนัมซาน  ก่อนจะขึ้นไปชมวิว เจ้าหน้าที่จะบังคับให้ชมพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ก่อน พิพิธภัณฑ์ที่นี่มีสองส่วน  เจ้าหน้าที่จะบังคับให้ดูทั้งสองส่วน  อาจจะเป็นเพราะส่วนที่สองมีช็อปให้ละลายทรัพย์ก็เป็นได้
ภายในพื้นที่โซนแรกจัดสรรเพื่อเล่าเรื่องราวโดยใช้หมีเท็ดดี้เป็นตัวละครเดินเรื่องราวในอดีตของประเทศเกาหลี  ประวัติศาสตร์ความเป็นมา วิถีชีวิตของชาวเกาหลีในอดีต การสร้างพระราชวัง  หรือแม้แต่การจำลองบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์ในอดีต  ถูกถ่ายทอดไว้อย่างงดงาม
เมื่อเดินออกจากโซนแรก  ก็ไปชมกันต่อที่โซนที่สอง  ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งกับโซนแรก  โดยโซนที่สองจัดแสดงในคอนเซ็ป  ปัจจุบัน ( Present )  โซนนี้จำลองสถานที่ต่างๆ  ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ย่านทงแดมุน  ทำเนียบประธานาธิบดี ( บลู  เฮาส์ ) 

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เกาหลี Korea


เกาหลี  Korea
เกาหลีใต้ มีพื้นที่ประมาณ  99,500  ตารางกิโลเมตร  มีประชากรกว่า 49 ล้านคน  มีกรุงโซลเป็นเมืองหลวง  พื้นที่ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 เป็นภูเขาเนินสูง จึงจัดเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้แต่กรุงโซลก็ยังมีพื้นที่จำนวนมากที่เป็นเนิน  แม้ประเทศเกาหลีใต้จะมีนโยบายเปิดประเทศเมื่อไม่กี่ปีผ่านมานี้เอง   แต่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างก็สนใจหลั่งไหลเดินทางไปท่องเที่ยวมากมาย  อีกทั้งเกาหลีใต้ยังได้รับความเชื่อมั่นในการรับบทบาทที่สำคัญระดับโลก เช่น เจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกร่วมกับประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2002  และเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำ 20  ประเทศ  ( G -20 )  ปี 2010
เกาหลี ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเกาหลี  ซึ่งปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 2  ส่วน คือ ประเทศระบอบประชาธิปไตยสาธารณรัฐเกาหลี  มีที่ตั้งอยู่ทางใต้  และประเทศระบอบคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ  ทั้งสองเขตนี้  ถูกคั่นกลางด้วยเขตปลอดทหาร
เกาหลีใต้ กำหนดให้ปี 2010 – 2012 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยว   เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของวงการท่องเที่ยวในประเทศ  รวมถึงส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเลือกเกาหลีใต้  เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทาง  ตาม
เที่ยวเกาหลีให้สนุก ช่วงเวลาไหนดี ประเทศเกาหลีใต้ มีสภาพภูมิอากาศ  4 ฤดู ดังนี้
                -  ฤดูใบไม้ผลิ  ในช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม  ต้นไม้จะผลิใบสะพรั่งเต็มต้น  เป็นสัญญาณว่าฤดูใบไม้ผลิได้เริ่มขึ้นแล้ว  อากาศที่ประเทศเกาหลีในช่วงนี้ จะมีความอบอุ่น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เกาหลีคือดินแดนแห่งดอกไม้ที่งดงาม
-  ฤดูร้อน ปลายระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ต้นไม้เริ่มผลิบานสะพรั่งทั่วทั้งเมือง แม้จะเรียกว่าฤดูร้อน แต่ท่ามกลางฤดูร้อนนี้ ก็มีพายุฝนบ้าง การเดินทางช่วงนี้เป็นช่วงเวลาอากาศร้อนสลับฝน ดังนั้นควรนำร่มติดตัวไปด้วย  ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยที่ร้อนระอุ
 - ฤดูใบไม้ร่วง ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน หลังจากผลิใบได้ไม่นาน ก็ถึงเวลาร่วงโรย ในช่วงปลายฤดู เราอาจเรียกว่า ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีความสวยงามอันขึ้นชื่อของสีสันใบไม้ก่อนหล่นลงสู่ดิน เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทำให้จุดนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของปี ใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นดินช่วยแต่งเติมสีสันแก่ขุนเขาให้งดงามไปด้วยเฉดสีแดงและเหลืองตัดกับท้องฟ้าที่งามกระจ่างตา เบิกบานไปกับการเดินเที่ยวบนภูเขาอันซึ่งพื้นดินพรมพร่างไปด้วยใบไม้
- ฤดูหนาว เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม ความหนาวเหน็บพร้อมหิมะกำลังเข้ามาเยือน ด้วยอุณหภูมิต่ำถึงติดลบ ไม่แพ้แถบยุโรปเลยทีเดียว เป็นความสวยงามไปอีกแบบ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  มีนโยบายแจกบัตรส่วนลดต่างๆ 
กรุงโซล South City
 กรุงโซล เป็นเมืองหลวงของเกาหลีใต้  มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ ทั้งพระราชวัง  วัดวาอาราม  สถานที่ธรรมชาติ  แหล่งช็อปปิ้ง  รวมถึงสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์  ละครซีรี่ย์ชื่อดังของเกาหลี  อันเป็นที่รู้จักกันอย่างดีของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ 
พระราชวังเคียงบก Gyeongbokgung Palace
พระราชวังเคียงบก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394 เพื่อเป็นพระราชวังหลักของราชวงศ์โชซอน (1392-1910) อัน เป็นราชวงศ์ที่สถาปนาขึ้นโดยกษัตริย์แทโจ ในจำนวนพระราชวังทั้ง 5 ที่สร้างขึ้นในราชวงศ์นี้  พระราชวังเคียงบกกุงถือเป็นพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุด
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี National Museum of Korea
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1908 ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีแห่งนี้ มิได้แสดงเฉพาะผลงานทาง วัฒนธรรม 135,000 ชิ้นของเกาหลีเท่านั้น แต่ยังแสดงผลงานของประเทศใกล้เคียงด้วยเช่น จีน ญี่ปุ่น เอเซียกลาง อาคารเดิมของพิพิธภัณฑ์ได้ถูกรื้อถอนไปเมื่อปี ค.ศ. 1996 และมีการสร้างอาคารปัจจุบันเป็นการชั่วคราว
พระราชวังถ็อกล็อกซูกุง Deoksugung  Palace
พระราชวังถ็อกล็อกซูกุง  บริเวณพระราชวังถ็อกล็อกซูกุง จะมีสิ่งก่อสร้างที่น่าชมเป็นอันมาก เช่น ประตูหลักแทฮันมุน พระที่นั่งชุงวาจอนและท้องพระโรง
หอคอยโซล  Seoul Tower
หอคอยโซล  เมื่อเราขึ้นไปบนหอคอยแห่งกรุงโซล เราจะเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของกรุงโซล และที่บนสุดของหอคอยก็มีหอดูดาวและภัตตาคารหมุนได้รอบ มีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งโลกอันเป็นที่เก็บวัตถุโบราณที่หายากและมีค่ามากกว่า 20,000 ชิ้นจาก 150 ประเทศ
ตลาดนัมแดมุน Numdaemun Market  
ตลาดนัมแดมุน  ตลาดนัมแดมุนเป็นตลาดศูนย์การค้าส่งสามารถหาสินค้าได้ทุกชนิดที่ต้องการ เช่น เสื้อผ้า รองเท้าหลากหลายแบบ เครื่องใช้ในบ้าน อาหาร ดอกไม้ เครื่องมือผมปลอม เครื่องแก้ว เครื่องใช้ เครื่องประดับ ของขวัญ เครื่องกีฬา กระเป๋าเสื้อผ้า วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเรือน อุปกรณ์กีฬา เช่นรอกตกปลา คันเบ็ดตกปลา ฯลฯ เป็นต้น
ตลาดทงแดมุน Dongdaemun Market
ตลาดทงแดมุน ที่ตลาดนี้สามารถซื้อข้าวของและต่อราคาได้อย่างสนุกทีเดียว เพราะมีร้านรวงมากมาย มีห้างขายเสื้อผ้าที่ทันสมัยอยู่ด้วยนับ 10 ร้านหรือมากกว่านั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบโบราณ

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติภูเก้า – ภูพานคำ Phu Kao - Phu Phan Kham


อุทยานแห่งชาติภูเก้า ภูพานคำ Phu Kao - Phu Phan Kham
อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ได้รับการประกาศ เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 20 กันยายน  2528 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 50 ของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ  322  ตารางกิโลเมตร หรือ  201,250 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ บริเวณที่ดินป่าภูเก้า ในท้องที่ตำบลหัวนา ตำบลนามะเฟือง อำเภอเมือง ตำบลบ้านถิ่น ตำบลโคกม่วง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลโนนเมือง ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู และที่ดินป่าภูพาน ในท้องที่ตำบลกุดดู่ ตำบลโนนสัง ตำบลบ้านค้อ ตำบลหนองเรือ ตำบลโคกใหญ่ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู และป่าโคกสูง ป่าบ้านดง ในท้องที่ตำบลศรีสุขสำราญ ตำบลนาคำ ตำบลบ้านดง ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 2 แห่งคือ ภูพานคำและภูเก้า สภาพพื้นที่เป็นภูเขาหินทรายซึ่งมีชั้นของของหินทรายอยู่ด้านบนระดับผิวดิน โดยมีชั้นของหินดินดาน หรือหินดินดานปนทรายเป็นฐานด้านล่าง มีดินประเภทดินลูกรังและดินร่วนปนทราย กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และพื้นที่ป่าส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ใบไม้จะเปลี่ยนสีผลัดใบในช่วงต้นประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ และสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง  ใบไม้จะเปลี่ยนสีผลัดใบในช่วงต้น เดือนพฤศจิกายน   
ที่ตั้งของสำนักงานอุทยานอยู่บริเวณภูพานคำริมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ มีทิวทัศน์ที่สวยงามมากโดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ตก ภายในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีสถานที่ สำหรับตั้งค่ายพักแรมได้ สิ่งที่น่า สนใจส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณภูเก้าในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ ร่องรอยก่อนประวัติศาสตร์ของชุมชน ในสมัยบ้านเชียง เช่น ภาพเขียนสีและภาพสลักตามผนังถ้ำต่างๆ และรอยเท้าไดโนเสาร์ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็น พันธุ์เดียวกับรอยเท้าที่พบที่อำเภอภูเวียง เป็นต้น
ภูเก้า
ภูเก้าประกอบด้วยภูเขา 9 ลูก คือ ภูฝาง, ภูขุมปูน, ภูหัน, ภูเมย, ภูค้อหม้อ, ภูชั้น, ภูเพราะ, ภูลวก, และภูวัด ภูเขาทั้ง 9 ลูกนี้มีความสลับซับซ้อนมาก มีป่าไม้และสัตว์ป่านานาชนิด มีถ้ำ มีน้ำตก ลานหินลาดมากมาย มีหินลักษณะแปลกๆ คล้ายปราสาท ถ้ำพลาไฮ มีภาพเขียนรูปฝ่ามือและภาพแกะสลักของมนุษย์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีศาลาบนยอดหินที่เรียกว่า หอสวรรค์ ไว้ชมวิวนอกจากนี้ยังมีวัดพระพุทธบาทภูเก้า ซึ่งมีรอยเท้าคนและสุนัขขนาดใหญ่สลักบนหินอันเกี่ยวโยง กับนิทานพื้นบ้านเรื่อง พระสุพรหมวิโมขา กับหมาเก้าหาง ภายในวัดพระพุทธบาทภูเก้ายังมีถ้ำมึ้ม และถ้ำอาจารย์สิม ซึ่งภายในถ้ำมีภาพเขียนสีและภาพสลักตามผนังถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ภูพานคำ
ภูพานคำเป็นทิวเขาด้านตะวันออกของลุ่มน้ำพอง และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ตอนบนมีทัศนียภาพ ที่สวยงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์  ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นิยมมาพักแรมโดยกางเต๊นท์ หรือที่บ้านพักของอุทยานฯ หรือที่ศาลาพักแรมของกรมประชาสงเคราะห์ บริเวณทะเลสาบท้ายเขื่อนอุบลรัตน์
สถานที่น่าสนใจ
หอสวรรค์
เป็นจุดชมทิวทัศน์ บริเวณเทือกเขาภูเก้า สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของที่ราบจังหวัดหนองบัวลำภู และผืนป่าเขียวขจีของอุทยานแห่งชาติกว้างไกลไปจนถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ บริเวณนี้มีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมหน้าผา ความสูง 30 เมตร มีบันไดขึ้นไปบนก้อนหินซึ่งมีศาลาตั้งอยู่ ชาวบ้านจึงเรียกจุดชมวิวบนหินก้อนนี้ว่า หอสวรรค์
อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์
เป็นทะเลสาบ ขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยภูเขาหินทรายสูงตระหง่าน มีทัศนียภาพที่สวยงาม จึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญ
จุดชมวิวช่องเขาขาด
จุดชมวิวช่องเขาขาด เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเขื่อนอุบลรัตน์ เพราะเป็นมุมสูงอยู่ช่วงสันเขาภูพานคำ ทำให้เห็นทัศนียภาพมุมกว้าง มองได้ไกล ซึ่ง ณ จุดนี้เป็นจุดแบ่งเขตระหว่างอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น และอำเภอโนนสังจังหวัดหนองบัวลำภู ในช่วงเย็น (พลบค่ำ) บริเวณนี้จะสวยงามมากในการชมพระอาทิตย์ตก
สุสานหอยหิน
รอยเท้าไดโนเสาร์
รอยเท้าไดโนเสาร์ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็น พันธุ์เดียวกับรอยเท้าที่พบที่อำเภอภูเวียง
ถ้ำฝ่ามือแดง
เป็นเพิกผาหน้าถ้ำขนาดตื้นๆ และมีรอยมือซ้ายและขวาสีแดงจากยางไม้ชนิดหนึ่งประทับติดกับผนังถ้ำ อยู่บริเวณพื้นที่ป่าโซนภูเก้า
ถ้ำเรขาคณิต
เป็นเพิกผาหน้าถ้ำขนาดตื้นๆ มีรอยสลักแบบนูนต่ำบนผิวผนังถ้ำหินทราย เป็นรูปทรงเรขาคณิต อยู่บริเวณพื้นที่ป่าโซนภูเก้า
น้ำตกตาดโตน
เป็นน้ำตกขนาดเล็ก เกิดจากน้ำซับไหลลงมารวมกันไหลผ่านหินต่างระดับ ซึ่งอยู่โซนภูเก้า ห่างจากด่านตรวจตาดโตนของอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ประมาณ 300 เมตร
น้ำตกตาดหินแตก
เป็นน้ำตกขนาดเล็ก สูงประมาณ 4 เมตร กว้าง 7 เมตร เกิดจากลำห้วยบองไหลผ่านหินต่างระดับ ซึ่งอยู่โซนภูเก้า มีน้ำมากช่วงหน้าฝน
น้ำตกตาดฟ้า
อยู่บริเวณเทือกเขาภูเก้า เป็นน้ำตกที่สวยงามมีน้ำมากโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน เป็นน้ำตกขนาดเล็กไหลตามลำธารเล็กๆ ท่ามกลางป่าเบญจพรรณ
เสาหินหามต่าง
เป็นลานหินที่มีก้อนหินรูปทรงแปลกๆ ตั้งซ้อนกันอยู่ เป็นประติมากรรมธรรมชาติ หามต่างหรือหามตั้ง เป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติเช่นเดียวกับเสาเฉลียงที่ผาแต้ม คือ เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ สายลม และแสงแดด มีลักษณะเป็นแท่งหินตั้งขึ้น ส่วนบนเป็นแผ่นหินวางอยู่โดยไม่ติดกัน มองดูคล้ายดอกเห็ด
ผาหินมะลึกคึกคัก
มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงสามารถมองเห็นภูพานคำมุมกว้างได้อย่างชัดเจน เป็นก้อนหินกว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 8 เมตร และสามารถโยกก้อนหินได้ด้วยแรงคนเพียงคนเดียว
แผนที่การเดินทาง

ที่พัก
ตู้ ปณ.2,อ. อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น 40250
โทรศัพท์  042-95 6528, 081-221 0523    
โรงแรมเรือนกันยารัตน์ บูติค โฮเทล Ruean Kanyarat Boutique Hotel  
148/131 หมู่ 2 ถนนรอบบึง ต.ในเมือง อ.เมือง, ตัวเมืองขอนแก่น, ขอนแก่น, ไทย 40000
แหล่งที่มา

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จ.ขอนแก่น Phu Wiang Dinosaur Museum


พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จ.ขอนแก่น   Phu Wiang Dinosaur Museum
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ สื่อความหมายแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้”  ณ.โรงแรมราชาวดี  จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2555 โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิด เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเทคนิคการสื่อความหมายแหล่งท่องเที่ยวไดโนเสาร์ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ของท้องถิ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้เรื่องไดโนเสาร์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์สิริธร วนอุทยานภูแฝก จังหวัดกาฬสินธุ์  เจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง อุทยานแห่งชาติภูเวียง และผู้เกี่ยวข้องในอำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง Phu Wiang Dinosaur Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาแห่งหนึ่ง โดยเน้นที่การจัดแสดงเรื่องราวของซากดึกดำบรรพ์ สังกัดกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่บนพื้นที่สาธารณประโยชน์โคกสนามบินบนเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ในเขตพื้นที่ตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น ก่อสร้างด้วยเงินงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอยู่ในความกำกับดูแลของกรมทรัพยากรธรณี เริ่มเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เปิดให้บริการระหว่างเวลา 09.00 - 17.00 น. ปิดบริการทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันจันทร์ที่ตรงกับวัดหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดให้บริการตามปกติ
การสำรวจและวิจัย
นับจากการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณี โดยโครงการความร่วมมือด้านบรรพชีวินวิทยา ไทย-ฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจไดโนเสาร์บนเทือกเขาภูเวียงอย่างต่อเนื่อง มีการค้นพบกระดูก ฟัน และรอยตีนไดโนเสาร์จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่พบอยู่ในหินทรายหมวดหินเสาขัวยุคครีเทเชียสตอนต้น (ประมาณ 130 ล้านปีมาแล้ว) มีทั้งไดโนเสาร์ซอโรพอดและเทอร์โรพอด หลากหลายสายพันธุ์ และมีขนาดตั้งแต่ตัวเท่าแม่ไก่ ไปจนถึงมีลำตัวยาวจากหัวจรดหางมากกว่า 15 เมตร นับเป็นการค้นพบที่สำคัญ ทำให้คนไทยมีความตื่นตัวเดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งไดโนเสาร์ที่เทือกเขาภูเวียงอย่างต่อเนื่อง และรวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหลุมขุดค้นที่ 2 ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 และได้เสด็จพระราชดำเนินพาคณะกรรมการรางวัลนานาชาติสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2551
อาคารพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบริการ ได้แก่ ร้านขายของที่ระลึก ห้องอาหาร ห้องบรรยาย  ส่วนวิชาการ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการ ห้องทำงาน ห้องสมุด และส่วนนิทรรศการ ได้แก่ ห้องจัดแสดงชั้นล่างและชั้นบน จัดแสดงนิทรรศการการกำเนิดโลก หิน แร่ ซากดึกดำบรรพ์ และหุ่นจำลองไดโนเสาร์ 
การอบรม
นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทรงคุณค่า กระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวในมิติของการเรียนรู้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานซึ่งโดดเด่นในด้านแหล่งเรียนรู้  อู่อารยธรรม จึงได้กำหนดพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวไดโนเสาร์ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นพื้นที่เป้าหมาย ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในระดับประเทศและระดับโลก โดยได้ค้นพบไดโนเสาร์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการพัฒนาแหล่งขุดค้นและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ รวมทั้งบริการทางการท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่โดยรอบจังหวัด จึงนับว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ  เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง กรมทรัพยากรธรณี โทร. 043-438204-6
การเดินทาง
จากตัวเมืองขอนแก่นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12  ขอนแก่น-ชุมแพ  ขับไปประมาณ 48 กิโลเมตร จะถึงทางแยกเลี้ยวขวาไป อ.ภูเวียง จะพบรูปปั้นไดโนเสาร์ซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร  ก็ถึงพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ตั้งอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติภูเวียง ประมาณ 3 กิโลเมตร
แหล่งที่มา