วัดไชยวัฒนาราม
Wat Chaiwatthanaram
หลังจากเที่ยวชมความแออัดของ” ตลาดน้ำกรุงเก่าวัดท่าการ้องอยุธยา”
จนเป็นที่พึงพอใจแล้วจึงพากันเดินทางกลับเข้าตัวเมืองอยุธ ยาระหว่างทางได้แวะเยี่ยมชมวัดไชยวัฒนาราม
หลังจากที่ประเทศไทยได้เกิดมหาอุทกภัย พ.ศ. 2554
น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรบริเวณหลังวัดไชยวัฒนาราม
ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร
ทำให้โบราณสถานในเขตเกาะเมืองอยุธยาได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด จากภาพกรมศิลปากรกำลังบูรณะซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม
โดยการติดป้ายประกาศ และกั้นพื้นที่ไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าใกล้บริเวณ จึงได้แต่ยืนชมความเสียหายอยู่ห่างๆ เห็นโบราณสถานอันเป็นมรดกของชาติไทยได้รับความเสียหายแล้วทำให้เศร้าสลด พอดีไปเห็นหนังสือที่วางขายที่ร้านหนังสือ
เลยไปหยิบมาอ่านเป็นหนังสือเกี่ยวกับ “กรุงศรีอยุธยา
ราชธานีไทย เล่ม 3 “ เขียนโดย ท่านไชยวัฒน์ วรเชฐวราวัตร จึงได้ซื้อมาอ่าน และขออนุญาตนำบทความมาเผยแพร่ให้สาธุชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และศึกษาประวัติประเพณีสืบต่อไป
ขอบคุณ
ประวัติวัดไชยวัฒนาราม
วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมืองอยู่ตรงข้ามกับพระตำหนักสิริยาลัย
ของสมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชินีนาถ ตามประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้น
เมื่อ พ.ศ. 2173
เพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศพระราชกุศล
ถวายพระราชมารดา มีนามว่า “ นางอิน” โดยจำลองแบบปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชามาก่อสร้าง
เมื่อครั้งที่เคยรบชนะกัมพูชา
วัดไชยวัฒนาราม
มีปรางค์ประธาน (รัตนมหาธาตุ) สูง 35 เมตร และปรางค์มุมอยู่บนฐานทักษิณเดียวกัน
ล้อมรอบด้วยระเบียงคต ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปั้นปางมารวิชัย ลงรักปิดทองจำนวน 120 องค์
ตามแนวระเบียงคต มีเมรุทิศทั้ง 8 ภายในเมรุทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง 12 องค์ ภายในซุ้มเรือนแก้วล้วนลงรักปิดทอง ที่ฝ้าเพดานทำด้วยไม้ประดับลวดลายลงรักปิดทอง ผนังภายในเมรุทิศมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนผนังด้านนอกของเมรุมีภาพรูปปั้นเรื่องพุทธประวัติจำนวน
12 ภาพ
พระอุโบสถอยู่ทางด้านทิศตะวันออกนอกระเบียงคต ด้านซ้ายขวามีเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ด้าน ริมนอกมีกำแพงล้อมรอบ 3 ชั้น ที่ริมกำแงด้านเหนือมีปรางค์น้อยหรือศาลเจ้าดุสิต และที่ด้านข้างของระเบียงคตมีเจดีย์ทรงระฆัง
หรือที่เรียกว่า เจดีย์เจ้าฟ้ากุ้ง
เป็นที่บรรจุพระอัฐิของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ กับเจ้าฟ้าสังวาล ซึ่งทั้งสองถูกสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ลงพระอาญาเฆี่ยนจนสิ้นพระชนม์ชีพ
แล้วถวายพระเพลิงที่นี่ นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์
วัดไชยวัฒนาราม
เป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่ง
ซึ่งได้รับอิทธิพลตามความเชื่อของพราหมณ์และฮินดูว่า ปรางค์ประธานที่วัดไชยวัฒนาราม
เปรียบเสมือนยอดเขาพระสุเมรุ
ที่เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจักรวาล
ฉะนั้นการที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองนำอัฐิของพระราชมารดา มาไว้ที่พระปรางค์ ก็เท่ากับว่าไว้บนยอดเขาพระสุเมรุ เป็นการถวายพระราชกุศลอันสูงสุด
ส่วนเมรุทิศทั้ง 8 นั้น ก็เปรียบเสมือนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ
เมื่อ พ.ศ. 2310 พม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาวัดไชยวัฒนาราม ได้ถูกดัดแปลงเป็นค่ายรบ หลังจากนั้นก็ถูกทิ้งล้าง มีคนร้ายขโมยเศียรพระ
ลักลอบขุดหาสมบัติ และขนอิฐไปขาย
พ.ศ. 2534 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ
ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาที่
วัดไชยวัฒนาราม ถึง 4 ครั้ง ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ได้สนพระทัยเป็นพิเศษ พร้อมมีรับสั่งให้บูรณปฏิสังขรณ์ ทำให้หน่วยงานหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนา จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระชนมายุ 60 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ปี พ.ศ. 2535
และในปี 2539 สมเด็จพระนางเจ้าคลีนอลิซาเบธ ที่2
แห่งประเทศอังกฤษ
ได้เสด็จทอดพระเนตรการแสดง ชนช้างของสมเด็จสุริโยทัย เรื่องคนดีศรีอยุธยา ทำให้ภาพวัดไชยวัฒนาราม ปรากฏในสื่อทั้งทางโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์
จึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก
แหล่งที่มาหนังสือเผยแพร่
“กรุงศรีอยุธยา
ราชธานีไทย เล่ม 3 “
ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คมชัดลึกออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น