วัดมหาธาตุ อยุธยา
Wat Maha That Ayutthaya
วัดมหาธาตุ พระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดที่อยู่ในเขต อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งตั้งอยู่ริมบึงพระรามด้านตะวันออก
หรืออยู่ใกล้กับวัดราชบูรณะ
เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้นเป็นพระอารามหลวง เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
ที่แสดงความชอบธรรมทั้งทางโลก (ราชอาณาจักร)และทางธรรม ( ศาสนาจักร) ตามธรรมเนียมของการสร้างวัดมหาธาตุที่เริ่มขึ้นที่เมืองนครศรีธรรมราชก่อน
แล้วเป็นตัวอย่างแก่อาณาจักรอื่นต่อมา เช่น เชียงใหม่ หริภุญชัย
ลำปาง ศรีสัชนาลัย พิษณุโลก
ละโว้ นครพนม สุพรรณบุรี
นครปฐม เพชรบุรี และไชยา
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ กล่าวว่า สถาปนาวัดมหาธาตุ เมื่อ พ.ศ. 1917 ในรัชสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพระงั่ว) คงสร้างไม่เสร็จ ต่อมาสมเด็จพระราเมศวร ทรงศิล ณ. พระราชวังเดิม ( วัดพระศรีสรรเพชญ์) เพลา 10 ทุ่ม ทรงทอดพระเนตรไปทางทิศบูรพา ทรงเห็นพระบรมสารีริกธาตุเปล่งแสงสว่างลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วอึดใจ แล้วก็หายไปในความมืด จึงโปรดให้สร้างพระปรางค์มหาธาตุบริเวณที่ทรงอดพระเนตร สูง
วัดมหาธาตุ
มีพระปรางค์บริวารรวม 5
องค์ ตรงกลางเป็นปรางค์ประธาน
มียอดนพศูลสูง 6 เมตร มีพระปรางค์ทิศทั้ง 4 องค์ ที่บันไดถึงซุ้มองค์พระมหาธาตุหลังพนักบันได
มีนาคราชตัวโตเท่าลำตาลเลื้อยลงมาแผ่พังพอน ตรงบัลลังก์ทั้ง 4 มุม มีรูปครุฑ จตุโลกบาล
โทวาริก รากษส พิราวะ
และยักษ์
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (
พ.ศ. 2153 –
2171 ) พระปรางค์ประธาน ได้พังลงมาถึงชั้นครุฑ ต่อมาได้บูรณปฏิสังขรณ์ อีก 2 ครั้ง ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2176 และสมัยพระบรมโกศ เมื่อ พ.ศ.2275
– 2301
พ.ศ. 2309 สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์ ได้ตั้งศพไว้ที่วัดมหาธาตุ ยังไม่ทันปลงศพ ได้อัญเชิญ พระเทพมุนี
วัดกุฏิดาว เป็นพระสังฆราชอยู่ได้ 7
เดือน ก็สิ้นพระชนม์อีก
ได้ตั้งศพคู่กัน
ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกพม่าตีแตกไม่นาน
มีอีกา 2 ตัว
ตีกันแล้วบินถลาลงถูกยอดเจดีย์เสียบอกตาย
ลือกันว่าจะเกิดลางร้าย
สมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้อัญเชิญ
พระพุทธรูปคันธารราฐประทับนั่งห้อยพระบาทไปประดิษฐาน ณ. วัดหน้าพระเมรุ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงทุกวันนี้
วันที่ 20 – 25 สิงหาคม พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรได้ขุดกรุพบเครื่องทองและพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 22 รายการ ( 66 ชิ้น )
สิ่งของดังกล่าวได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา อยุธยา
เศียรพระพุทธรูปหินทราย เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแต่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป เป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากต้นโพธิ์ข้างวิหารราย |
ปัจจุบันวัดมหาธาตุได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ที่ถูกห่อหุ้มด้วยรากของต้นโพธิ์ ภายในวัดมหาธาตุ
เป็นที่ทอปฮีตติดเว็บ ดังระดับโลก (Tripadvisor ) ซึ่งเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของยูเนสโก
http://whc.unesco.org/en/list/576 เมื่อปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นมา ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชม เนื่องจากเป็นสิ่งที่แปลกตา
จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และเศียรพระพุทธรูปหินทรายกลายเป็นที่นิยมถ่ายภาพของนักท่องเที่ยว
ถือว่าเป็นอันซีนอินไทยแลนด์ เมื่อก่อนหน้านี้ผมเองก็คิดว่าภาพพระพุทธรูปหินทรายนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย มาทราบทีหลังว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของไทยเรานี่เอง ทั้งนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจที่ อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ณ. วัดมหาธาตุ อยู่ข้างๆ กับวัดราชบูรณะ และได้พยายามหาข้อมูลของ”เศียรพระพุทธรูปหินทรายในรากต้นโพธิ์”
ซึ่งในช่วงก่อนที่อยุธยาจะได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปกร
ในปีค.ศ. 1963 ทางจังหวัดได้มีการเตรียมสถานที่เพื่อการสำรวจ จากการถากถางปรับพื้นที่ได้พบชิ้นส่วนพระพุทธรูปหินสลักจำนวนหนึ่ง
จึงเก็บรวบรวมไว้โคนต้นไม้ แล้วพยายามหาที่มาที่ไป โดยรวบรวมปะติดปะต่อเป็นองค์ได้บ้าง
มีแต่เศียรพระองค์นี้ที่หาที่มาไม่ได้เพราะขนาดไม่พอดีกับชิ้นส่วนอื่นที่พบ
จึงหาที่เหมาะสมวางไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผ่านไปมาของผู้คนที่มาชมสถานที่ ซึ่งเป็นสิ่งไม่งามสำหรับชาวพุทธ
อนึ่งในบริเวณนี้ส่วนมากจะเป็นต้นพุทรา ต้นโพธิ์จึงเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุด เพราะประวัติของพระพุทธเจ้าท่านยังตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์
ด้วยเจตนาเดิมคือเพียงเพื่อพักรอการหาที่เหมาะสมกว่า
หลังจากการขึ้นทะเบียนเมื่อปี 1965
ก็ไม่มีใครคิดจะย้ายเศียรนี้อีก จนรากโพธิ์เริ่มโอบล้อมเศียรพระพุทธรูปแรกๆ ก็พอขยับได้
นานนานวันเข้าก็ยิ่งแน่นจนไม่สามารถขยับได้
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ วิ่งเข้าเส้นทางตัวเมืองอยุธยาผ่านวงเวียนเจดีย์ ( ขวามือจะไป ตลาดน้ำอโยธยา ซ้ายมือไปวัดใหญ่ชัยมงคล ) ให้ตรงไป แล้วข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรงไปจนถึงสี่แยกไฟ แดงที่ 2
เลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนัก ผ่านบึงพระราม จะเห็นวัดมหาธาตุอยู่ทางซ้ายมือ
เปิดให้เข้าชมทุก วันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. หมายเหตุ ตั้งแต่ เวลาประมาณ
19.30น.-21.00น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
2. โดยรถสาธารณะ
จากสถานีหมอชิตใหม่
มีบริการรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทุกวัน วันละ
หลายเที่ยว ทั้งรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา และรถโดยสารปรับอากาศชั้น
2 กรุงเทพฯ-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร-พระนครศรีอยุธยา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0
2936 2852-66 หรือที่เว็บไซต์ www.transport.co.th หรือรถตู้โดยสารจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและฟิวเจอร์ปาร์ค
รังสิต นั่งรถมาลงสุดสายจาก นั้นต่อรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างหรือรถท้องถิ่นประจำทางไปยังวัดมหาธาตุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น