วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จากใจของพ่อที่มีต่อลูก


เนื่องจากช่วงนี้ใกล้จะถึงวันสำคัญ คือวันพ่อแห่งชาติ  ผมจึงขอหยิบยกเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา  เพื่อเตือนสติเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน  ได้เกิดความสำรวมในจิตใจ และรำลึกถึงพระคุณของพ่อ  เนื่องจากผมเองก็เป็นพ่อคนหนึ่ง  ที่มีลูกอยู่ 2 คน ชาย 1 หญิง 1 ผมเฝ้าเลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่เล็กจนโตด้วยสำนึกอยู่ตลอดเวลาในความรับผิดชอบของพ่อที่มีต่อลูกๆ  และถือเป็นหน้าที่  และทราบดีว่าในหัวอกลูกที่ขาดพ่อจะเป็นอย่างไร  เพราะผมเองก็เคยประสพชะตากรรมเช่นนั้นมาตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ ชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดอยาก หิวโหย  ขาดความอบอุ่น เพราะครอบครัวขาดหางเสือที่กำหนดทิศทาง  ครั้นเมื่อโตและมีครอบครัวได้กลายมาเป็นพ่อบ้าง  ผมจึงใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ  และพยายามอบรมสั่งสอนลูกๆให้เป็นคนดีมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมอยู่ตลอดเวลา และตั้งใจเล่าเรียน เพราะการศึกษาเปรียบเหมือนเครื่องมือหากิน ซึ่งในสมัยปัจจุบันที่จะขาดเสียมิได้ และนั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจที่จะมอบให้แก่ลูกๆทุกคน แล้วแต่ว่าใครจะตักตวงความรู้ได้มากกว่ากัน  ลูกเอ๋ย...อันความรักทั้งหลายไม่มีความรักใดสะอาดบริสุทธิ์เท่ากับความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก  จำไว้ให้ขึ้นใจ  
                 วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริเริ่มหลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อแห่งชาติ พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น วันพ่อแห่งชาติด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และให้ดอกพุทธรักษาเป็นสัญลักษณ์ วันพ่อแห่งชาติ
                 ด้วยพ่อเป็นบุคคลผู้มีพระคุณ มีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพ เทิดทูน และตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อนี่เป็นที่มาของการจัดให้มี วันพ่อแห่งชาติ
วันพ่อแห่งชาติหรือวันเฉลิมพระชนพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
5 ธันวาวันพ่อแห่งชาติ 
                5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและยังเป็นวันพ่อแห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะพ่อแห่งชาติ อีกทั้งทรงเป็นพ่อตัวอย่างของปวงชนชาวไทย ที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงบำเพ็ญคุณานุประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชน ทรงพระมหากรุณาทะนุบำรุงขจัดทุกข์ผดุงสุขพสกนิกรถ้วนหน้า พระองค์ทรงเป็น พ่อแห่งชาติที่อาณาประชาราษฎร์เทิดทูนด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการทะนุบำรุงชาติบ้านเมืองให้ วัฒนาถาวรสืบไป ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของวันพ่อแห่งชาติ 4 ประการ คือ

1.       เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

2.       เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม

3.       เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ

4.       เพื่อให้ผู้เป็นพ่อ สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน  
                     เป็นสองมือ   อุ้มชู   เลี้ยงดูลูก....เป็นสายใย   พันผูก   คอยห่วงหา

เป็นอ้อมกอด อบอุ่น ค้ำจุนมา....เป็นสายตา ห่วงใย ใคร่อาทร

ยามเจ็บไข้  เฝ้าดูแล ด้วยชีวิต ....ยามพลั้งผิด ท่านอบรม คอยบ่มสอน

ยามเหนื่อยหน่ายกำลังใจไม่สั่นคลอน....ยามใดใด ยังอาทร ไม่เปลี่ยนแปร

ด้วยความรัก ของพ่อ ที่ยิ่งใหญ่ .....ด้วยหัวใจ สะอาดใส เป็นแน่แท้

ด้วยชีวิต เพื่อลูก .. เฝ้าดูแล ....ด้วยสองมือ ไม่ผันแปร เป็นอื่นใด

ชายคนหนึ่ง ทำทุกอย่าง ไม่เคยบ่น    ทั้งตากแดด ตากฝน ยอมทนหนาว

เพื่อความหวัง ที่สดใส  สุขสกาว      ให้ลูกชาย  ลูกสาว  ได้เล่าเรียน

แม้ต้องแลก กับหยาดเหงื่อ  สักกี่หยด        แม้ต้องควัก สตางค์หมด  จนเป็นหนี้

ไม่เคยท้อ  หวังแค่ลูก ได้จบตรี แต่ลูกสิ  กับชั่ว  จนลืมตน

ได้แต่ขอ เงินท่าน ไม่เคยขาด      เอาไปใช้ เรื่องอุบาท จนหมดสิ้น

ไม่เคยคิด ไม่เคยนึก ได้แต่ชิน     ชินกับการ ฟุ่มเฟือย จนเลื่อยมา

แล้วสุดท้าย ความเจ็บปวด มันหวนกลับ      คนที่รับ นั้นคือพ่อ ใช่ไหมหนา

ต้องมานั่ง ร้องไห้ เสียน้ำตา     พ่อเร่งหา ลูกล้างผลาญ หมั่นทำลาย

จนวันหนึ่ง คิดได้ ในที่สุด     แต่เวลา กับหยุด ฝันสลาย

ท่านไม่ได้ อยู่กับเรา ไปจนตาย    กว่าคิดได้ มันคงสาย ไม่หวนคืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น